วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2555


ดอกไม้ของไทย เหลืองทอง ทั่วสาระทิศ







ดอกราชพฤกษ์  เมื่อปี พ.ศ.2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ได้นำเรื่องดังกล่าวกลับมาเสนออีกครั้ง และมีข้อสรุปเสนอให้มีการกำหนดสัญลักษณ์ประจำชาติ 3 สิ่งคือ ดอกไม้ สัตว์และสถาปัตยกรรม และการพิจารณาที่ผ่านมาเสนอให้กำหนดดอกไม้ประจำชาติคือ ดอกราชพฤกษ์ สัตว์ประจำชาติ คือ ช้างไทย และสถาปัตยกรรมประจำชาติคือ ศาลาไทย

ความเป็นมา
โดยรัฐบาลมีมติให้ถือวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติ (arbour day) มีการชักชวนให้ปลูกต้นไม้ที่มีประโยชน์ชนิดต่างๆ มากมาย ในขณะเดียวกันก็ได้มีการเสนอว่า ต้นราชพฤกษ์ น่าจะถือเป็นต้นไม้ประจำชาติ
กระทั่งในปี พ.ศ.2506 มีการประชุมเพื่อกำหนดสัญลักษณ์ต้นไม้และสัตว์ประจำชาติเป็นครั้งแรก โดยกรมป่าไม้ได้เสนอให้ ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูณ ไม้มงคลที่มีประโยชน์และรู้จักกันอย่างแพร่หลายเป็นต้นไม้ประจำชาติ
ปี พ.ศ.2530 มีการส่งเสริมให้ปลูกต้นราชพฤกษ์อีกครั้ง เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ โดยมีการส่งเสริมให้ปลูกต้นราชพฤกษ์ทั่วประเทศจำนวน 99,999 ต้น ทุกวันนี้จึงมีต้นราชพฤกษ์อยู่มากมายทั่วประเทศไทย

เหตุที่เราเลือกดอกราชพฤกษ์
เป็นดอกไม้ประจำชาติเพราะมีความเหมาะสมในหลายๆ ด้าน คือ เป็นดอกไม้จากต้นไม้ที่ถูกเสนอให้เป็นต้นไม้ประจำชาติเมื่อครั้งที่กรมป่าไม้เสนอไว้ เป็นต้นไม้ที่มีอายุยืน ทนทาน ปลูกขึ้นได้ดีทั่วทุกภาคของประเทศ เป็นต้นไม้พื้นเมืองที่รู้จักแพร่หลาย มีชื่อเรียกหลายชื่อต่างกันในแต่ละภาค เช่น ลมแล้ง คูน อ้อดิบ ราชพฤกษ์เป็นไม้มงคลใช้ประโยชน์ในพิธีสำคัญๆ เช่น ลงหลักเมือง ลงเสาเอก ทำคฑาจอมพลและยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร ในช่วงฤดูร้อนราชพฤกษ์จะออกดอกสะพรั่งทั้งต้น ช่อดอกมีรูปทรงสวยงาม สีเหลืองอร่ามเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาประจำชาติ รวมทั้งเป็นสีเดียวกับวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นอกจากนี้ความงามของช่อดอก และความหมายที่ดียังถูกจำลองแบบประดับไว้บนอินทรธนูของข้าราชการพลเรือนอีกด้วย


ขอขอบคุณ เนื้อหาและภาพสวยๆ
ไม้ต้นประดับดอก ชุดคู่มือคนรักต้นไม้ วชิรพงศ์ หวลบุตตา สำนักพิมพ์บ้านและสวน

สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ต้นฉบับ.

วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555

พิชิตยอดเขาคิชกูฎ


จังหวัด จันทบุรี พิชิตยอดเขาคิชกูฎ









ก่อนที่ท่านทั้งหลายจะขึ็นสู่ยอดเขา จะต้องกราบไว้พระที่อยู่ข้าวล่างเสียก่อนเพื่อเป็นสิริมงคลกับเราที่จะขึึ้นไป
อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ หรือที่ใคร ๆ เรียกกันจนติดปากว่า "เขาคิชฌกูฏ" มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอมะขาม และกิ่งอำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี และยังเป็นต้นน้ำสำคัญของแม่น้ำจันทบุรี สภาพป่าในบริเวณนี้มีทั้งป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา และป่าไม้ผลัดใบ มีสมุนไพรและกล้วยไม้ป่านานาชนิด รวมทั้งมีพันธุ์ไม้หายาก คือ ไม้กฤษณา

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในบริเวณ อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ได้แก่ น้ำตกกระทิง, น้ำตกคลองช้างเซ, ยอดเขาพระบาท และที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษนั้น เห็นจะเป็นการนมัสการรอยพระบาทเขาคิชฌกูฏ หรือ พระบาทพลวง นั่นเอง








ตำนานรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฎ

ตำนานรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฎมีอยู่ว่า นายติ่งและคณะได้ขึ้นบนเขาเพื่อไปหาไม้กฤษณามาขาย และได้ไปพักเหนื่อยบนลานหินกว้าง ระหว่างนั้นเพื่อนของนายติ่งคนหนึ่ง ได้ถอนหญ้าเพื่อนอนพักก็พบแหวนใหญ่ขนาดสวมหัวแม่เท้าได้ เเละเมื่อช่วยกันตรวจดูก็พบหินแผ่นหนึ่ง มีพื้นที่เป็นรอยรูปก้นหอย ต่อมานายติ่งและเพื่อนได้นำบุตรชายไปอุปสมบทที่วัดพลับ รุ่งขึ้นก็มีงานปิดรอยพระพุทธบาทจำลอง นายติ่งซื้อทองไปปิดแล้วจึงพูดว่าแถวบ้านตนก็มีรอยแบบนี้เช่นเดียวกัน พอดีมีพระได้ยินเข้าจึงไปเรียนให้เจ้าอาวาสวัดรับทราบ เจ้าอาวาสจึงเรียกนายติ่งเข้าไปสอบถาม พร้อมกับส่งคณะขึ้นไปพิสูจน์ดู ก็พบว่าเป็นความจริง และเมื่อตรวจดูบริเวณรอบ ๆ ก็พบกับสิ่งประหลาดมหัศจรรย์อีกหลายอย่าง รอยพระพุทธบาทนั้นท่านทรงเหยียบจารึกไว้ที่ศิลาแผ่นใหญ่ บรรจุคนนั่งได้ร้อยกว่าคน บนยอดเขาสูงสุด กว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร ทาง ด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของรอยพระพุทธบาทมีหินกลมก้อนหนึ่งใหญ่มาก เรียกว่า หินลูกพระบาท ตั้งขึ้นมาอย่างน่าแปลกประหลาดมหัศจรรย์ มองดูคล้ายลอยอยู่เฉย ๆ มีคนกล่าวว่าเขาเคยเอาด้ายสายสิญจน์คล้องแล้วหลุดออกมาได้ และยังมีหินอีกลูกอยู่ตรงข้ามกับหินลูกพระบาทนี้ ก็มีรอยพระหัตถ์ไปรับหินก้อนนี้ จากรอยพระพุทธบาทกับรอยพระหัตถ์นั้น ห่างกันประมาณ 5 เมตร และยิ่งแปลกไปกว่านั้น ในก้อนหินตรงกันข้ามกับรอยพระหัตถ์ ยังมีรูปรอยเท้าใหญ่ ซึ่งเรียกกันว่ารอยเท้าพญามาร เพียงแหงนหน้าขึ้นไปจะมองเห็นได้ทันที สูงประมาณ 15 เมตร ต่อจากนั้นไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ห่างจากหินลูกนี้ไปเพียง 15 วา มีหินลูกข้างบนเป็นลานและมองเห็นรอยรถหรือรอยเกวียน เมื่อยืนบนหินลูกนั้นมองลงไปทางทิศเหนือจะเห็นถ้ำเต่า หันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของรอยพระพุทธบาทจะเห็นถ้ำช้าง และถ้ามองจากรอยพระพุทธบาทขึ้นไป จะเห็นหินก้อนหนึ่งมีรูปลักษณะคล้ายช้างจริง เลยจากช้างไปสูงสุดนั้นเรียกกันว่าห้างฝรั่ง เพราะฝรั่งได้ขึ้นไปตั้งห้างส่องกล้องเพื่อทำแผนที่ มองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ยังมีถ้ำอีกถ้ำหนึ่งเรียกว่าถ้ำสำเภา เพราะมีหินก้อนหนึ่งข้างบนถ้ำมีลักษณะคล้าย ๆ เรือสำเภา และยังมีอีกถ้ำหนึ่งใต้พระบาทนี้เรียกว่าถ้ำตาฤาษี

         และนอกจากนี้ เค้าเชื่อกันว่า ถ้าบุคคลใด ขึ้นสู่ผ้าแดงได้ถือว่าผู้นั้น พิชิตยอดเขา คิชกูฎ  1 ปี มี นึ่ง หน ที่ท่านต้องไปสักการะ เขาคิชกูฎ

(ขออภัยหากข้อมูลนี้ไม่ครบถ้วน และรูปถ่าย  )

ขอขอบคุณเนื้อหาจาก อุทยานแห่งชาติเขาคิดชฌกูฎ










  สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ต้นฉบับ.

ทะเลกลางกรุง แดนมหัศจรรรย์



ทะเลกลางกรุง



 


สนุกกับท้องทะเล กลางกรุง
SIAM OCEAN WORLD แดนมหัศจรรย์ เต็มอิ่มกับสัตว์ทะเลที่งดงามของโลกใต้ทะเล









พิธิรภัณฑ์ที่ขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพลิดเพลินไปกับความสวยงามของโลกใต้ทะเลอย่างใกล้ชิด ให้ความสนุก พร้อมกับชิวิตชีวาของสัตว์นำ้อย่าไร้ขีดจำกัด







 ความน่าทึงของคณะหมู่ปลา ที่จับรวมกลุ่มอันน่าสะดุลตาเปล่งประกายสู่สายตาแขกมาเยี่ยน




เต็มอิ่มกับ แนวปาการัง ที่ช่วยคุณน่าหลงใหล พบกับการาเอาตัวรอดของสัตนนำ้มีการปรับตัวและป้องกันตัวเองจากผู้ล่า 






และนักท่องเที่ยวทุกท่านยังสมาราถใกล้ชิดกับสัตว์น้ำนานานชนิดโดยท่านสามารถหายใจได้ปกติ ภายใต้หมวกใสทรงกลมกันน้ำ สามารถมามองเห็นทัศนีภาพท้องสมุทรได้ถึง180 องศา ต้องเป็นที่น่าฮิฉาของใครอย่างแน่นอน

 

และหากมีข้องสงสัยเรายังสามารถถามข้อมูลจาก นักดำน้ำได้


 หากขาดตัวเองของงานคงไม่สนุกและคงไม่ระทึกใจระทึกตาแน่านอน




 มีการแสดงระบำของสัตว์น้ำตัวน้อยๆ แมงกะพรุน ทำให้เรานั่งมองจนหายเหนื่อย

 


และยังมีอีกหลายโซนที่่ยังไม่ได้นำเสนอแต่อยากให้ไปสัมผัลด้วยตนเอง มีมากกว่ที่เราคิด ทำใหเคุณหลงใหล กับมันจนนาน มีโซนผันคลายกับการทำสปาท้องของหมู่ปลาตัวน้อย การโชว์ให้อาหารปลา  ท่องเรือดูทผ่านกระจะพร้อมกาารให้อาหารปลาที่ให้ความสนุนสนานกับเสียงดนตรี และการแสลดงของเหลาการตูนมาสคอตที่น่ารัก


ขอขอบคุณกับสถานที่ SIAM OCEAN WORLD ให้เราสัมผัลกลิ่นไอของธรรมชาติใต้นำ้





    สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ต้นฉบับ.

แนะนำตัว









ชื่อ นางสาวนภัคสรณ์  ตั้งสุวรรณชัย
ชื่อเล่น
 เอ๋ย เพื่อนๆเรียก ตาโล้
เกิด 
6 กุมภาพันธ์ 2543 อายุ 21 ปี
จบการศึกษาจาก 
โรงเรียนสีกัน (วัฒนานันอุปถัมภ์)
กำลังศึกษาที่
มหาวิทยาลัยรังสิต
คณะ
นิเทศศาสตร์  สาขา สือสารการตลาด IMC
ลักษณะนิสัย
 โกรธง่ายหายเร็ว ชอบความเป็นส่วนตัว
สิ่งที่ชอบ  
ชอบการท่องเที่ยว เล่นเกมส์  
   ของสะสม รองเท้า กระเป๋า
   ศิลปินที่ชอบ BEYONCE
   ความสามารถพิเศษ เล่นดนตรี อนาคตใฝ่ฝัน  
อยากมีร้านดอกไม้เล็กๆ
   เพลงที่บ่งบอกความเป็นตัวตน
































































































สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ต้นฉบับ.